จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

หน้าเว็บ

13 ธันวาคม 2559

หยุดใช้ชีวิตแบบ HOW TO ชีวิตไม่มีใครสอนคุณได้ทุกเรื่อง


                    เคยใหมที่รู้สึกท้อแท้ที่จะเริ่มต้นทำบางสิ่งบางอย่าง  เมื่อเริ่มต้นเรามักจะศึกษาแนวทาง  โดยเฉพาะแนวทางลัดสู่ความสำเร็จ   เพราะไม่มีใครที่อยากทำอะไรแล้วล้มเหลวเลวหรอกจริงใหม?
ทำให้ทุกวันนี้หนังสือแบบ How  to  จึงเป็นที่นิยม

อ้อจันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบอ่านหนังสือแบบนี้  เพราะเวลาอ่านมันทำให้เรารู้สึกดี  มีความหวัง
แต่ทว่า   การที่จะใช้ชีวิตอย่างที่หนังสือมันเขียนบอกกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เราวิตกกังวล

ว่าหากเราไม่ทำแบบนี้เราจะไม่ประสบความสำเร็จ???

นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ท้อมากกว่าเดิม  เรากลับมาเริ่มรู้สึกว่าเราห่างไกลจากความสำเร็จ  เราเริ่มรู้สึกว่าชีวิตเป็นเรื่องยากไม่เหมือนกับสโลแกนในหนังสือ

เมื่อหนังสือเริ่มไม่ตอบโจทย์  ที่นี้ก็ย้ายมาอ่านประสบการณ์ตามเว็บพันทิพ  หรือเว็บไซต์ต่างๆเพื่อศึกษาแนวทางของคนที่ประสบความสำเร็จ  หรือเรียนรู้ถึงปัญหาว่าทำไมเขาจึงล้มเหลว

แต่เว็บไซต์นั้น  ส่วนมากจะเต็มไปด้วยคำบ่น  และมีน้อยมากจริงๆที่จะเป็นคนประสบความสำเร็จมากๆมาตอบกระทู้   และความคิดเห็นเหล่านั้นกลับทำให้ทุกอย่างมันยิ่งดูยุ่งยากเข้าไปอีก  เริ่มจะมีคำแนะนำให้ต้องทำสิ่งต่างๆที่ถึงแม้ไม่ชอบก็ต้องทำ

                             เรากลับมานั่งทบทวน  ทั้งแนวคิดจากหนังสือ  ความคิดเห็นของคนในเว็บไซต์ต่างๆ  และแนวคิดของคนดังระดับโลก     เราจะรู้สึกได้ว่ามันมีความแตกต่างอย่างมาก  ระหว่างคนธรรมดา  กับคนที่ได้ไปยืนอยู่แนวหน้าของโลก  เรารู้สึกว่า....

                         คนธรรมดามักพูดหรือทำทุกสิ่งจนยุ่งยากสับสนวุ่นวาย  แต่คนระดับโลกทำสิ่งยุ่งยากวุ่นวายภายใต้แนวคิดที่เรียบง่าย

คือการทำมันให้เต็มที่  และถูกที่  ถูกเวลา

แต่คนธรรมดารอบตัวเรา  และ ในโซเชียล  เรากลับเห็นว่าพวกเขากำลังทำทุกสิ่ง  ภายใต้ความคิดที่ว่าทุกสิ่งนั้นยากและวุ่นวาย   และพวกเขายังคอยสอนคนอื่นๆว่าชีวิตจริงมันคือแบบนี้  ไม่มีอะไรที่ง่ายดาย


                          ทีนี้เราเลยเริ่มกลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า   ชีวิตจริงมันควรต้องเป็นตามแบบแผนที่คนเขาว่าดี...จริงเหรอ?    ทำไมเราต้องทำสิ่งที่เราคิดว่ามันไม่สนุกและยุ่งยาก...นั่นคือหนทางความสำเร็จที่เราปรารถนาจริงเหรอ?   รวมถึงเราเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับหนังสือที่เราเคยเชื่อ  แนวคิดที่เราพยายามแสวงหา...เราต้องการอะไรจากมัน   หากเราต้องการเทคนิคความสำเร็จ   แสดงว่าเรากลัวความล้มเหลวหรือเปล่า   เราเลยพยายามกลบเกลื่อนมันด้วยการอ่านหนังสือฮาวทูไปเรื่อยๆ  แต่ไม่ยอมลงมือทำจริงๆสักที...
                 ขอบอกเลยว่าเคยชอบอ่านหนังสือแนวนี้มาก   เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่ารู้มากกว่าคนอื่น  แต่ในความเป็นจริงนั้นมันไม่ใช่   หนังสือแบบนี้โดยมากมักเขียนกระตุ้นให้เราหาแรงบันดาลใจและลงมือทำในสิ่งที่รัก  และมองข้ามอุปสรรค  สรุปคือ ตัดสินใจแล้ว ทำไปเลย   ความจริงนั่นก็ถือเป็นสิ่งที่ดี

                   แต่เมื่อย้อนกลับมาในชีวิตจริง  การที่เราพึ่งพาหนังสือแบบนี้มากจนเกินไป  นั่นทำให้เรามักตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว  จนบางครั้งกลายเป็นตั้งแง่(มักเกิดจากการตีความหนังสือเพียงผิวเผินเกี่ยวกับหนทางแห่งความสำเร็จ)

                   และสิ่งหนึ่งที่หนังสือสอนให้เราทำไม่ได้คือ   ความกล้าที่จะปล่อยให้ตัวเองได้ทำในสิ่งที่ต้องการ   เพราะต่อให้เราท่องหน้ากระจกว่าฉันทำได้  ทำอะไรต่างๆตามที่หนังสือบอก  แต่หากเราไม่ลงมือทำ  ฝึกฝนในสิ่งที่เราต้องการ


มันก็จะเป็นเพียงการปลุกใจ  เพื่อให้ตัวเองสบายใจ


                 จากประสบการณ์ส่วนตัว   เทคนิคนั้นไม่จำเป็นเลยหากเราตัดสินใจแน่วแน่แล้ว  และลงมือทำมันอย่างจริงจังมากพอ  เราจะคิดและทำทุกอย่างสอดคล้องกันไปเอง  โดยไม่ต้องนึกถึงเทคนิคอะไรเลยด้วยซ้ำ  และผลที่ได้คือความสำเร็จที่บางครั้งเกินคาดเลยด้วยซ้ำ

                     เช่น  การอ่านหนังสือ  ไม่ว่าจะเอาทริคของคุณหนูดี  ยันด๊อกเตอร์มีชื่อทั้งหลายมาใช้  แต่สุดท้ายก็อ่านหนังสือไม่เข้าหัวอยู่ดี  เพราะจริงๆแล้ว  เรากังวล  กลัวว่าจะไม่เข้าใจทันเวลาสอบ  หรืออะไรอื่นๆ   กลายเป็นว่าปัญหาไม่ใช่วิธีการ   แต่เป็นปัญหาของความวิตก  และการรับมือกับปัญหานั้น  บางครั้งหนังสือก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

                    แต่เมื่อเราลองอ่านโดยไม่ได้คิดอะไร  อ่านไปเรื่อยๆเหมือนกกำลังอ่านนิยายสักเล่ม  เรากลับอ่านมันจบในเวลาอันสั้น  และยังเข้าใจแบบถ่องแท้อีกต่างหาก


นี่คือประสบการณ์ตรงที่อ้อจันพบ  มันทำให้เรารู้อย่างว่า  บางทีเรารู้มากก็ทำให้คิดมาก แล้วก็พลอยทำเรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากไป


ไม่มีใครบอกได้ว่าชีวิตที่ดีที่สุด  หนทางที่ดีที่สุด  การตัดสินใจที่ดีที่สุด  จะเกิดขึ้นตอนใหน   เรารู้ก็เมื่อมันได้เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น

                     และทุกคนที่ไม่ได้เกิดมามีประสบการณ์ชีวิตเหมือนกัน  มีแนวคิดเหมือนกัน  เราจึงควรเก็บความคิดเห็นและหนังสือทั้งหลายไว้เป็นเพียงความรู้ประกอบการตัดสินใจ  ไม่ใช่ให้มันกำหนดชีวิตของคุณ

                     จริงๆแล้วเราทุกคนรู้ว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องอะไร   แต่เรามักไม่ค่อยเผชิญหน้ากับปัญแล้วจัดการทำอะไรสักอย่างกับมัน  เราหนีมันไปเรื่อยๆ  หรือบางคนเลือกที่จะแบกมันเอาไว้  แล้วเที่ยวสอนคนนู้นคนนี้ว่าชีวิตจริงมันลำบาก  อย่าโลกสวย   ทั้งที่ความจริงแล้ว  พวกเขาเองก็อาจติดอยู่ในโลกความคิดของตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่ง  เราเองก็ไม่ควรยัดเยียดสิ่งที่ลึกๆในใจของเราไม่รู้สึกเห็นด้วย  อย่าฝืน  เพราะการฝืนไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น

                   

สิ่งที่ควรทำจริงๆ   คือการคุยกับตัวเองอย่างจริงจัง  ลงมือทำอย่างทุ่มเท  บนเส้นทางที่เรียบง่ายในแบบของคุณ



อย่าขอให้คนทั้งโลกมาบอกว่าเราควรทำอะไร  แต่เราควรกล้าที่จะยอมรับไม่ว่าชีวิตคุณจะเกิดอะไรขึ้น  และเดินหน้าทำในสิ่งที่คุณต้องการ











7 ธันวาคม 2559

When I Look At You แปลเพลง(แก้ไข)


"When I Look At You"

By Miley  Cyrus

 

Everybody needs inspiration
Everybody needs a song
A beautiful melody
When the nights are long

ทุกคนล้วนต้องการแรงบันดาลใจทุกคนล้วนต้องการเสียงเพลงและท่วงทำนองอันสวยงามเมื่อถึงยามค่ำคืนอันยาวนาน

'cause there is no guarantee
That this life is easy

เพราะไม่มีอะไรรับรองได้  ว่าชีวิตนี้มันง่ายดาย

Yeah when my world is falling apart
When there's no light
To break up the dark
That's when I, I
I look at you

เมื่อโลกของฉันได้ร่วงหล่น
ยามที่ไม่มีแม้แสงเล็ดลอดผ่านความมืดมิดนี้
จนกระทั่งฉันมองมาที่คุณ

When the waves are flooding the shore
And I can't find my way home any more
That's when I, I
I look at you

ตอนที่คลื่นถามโถมซัดชายฝั่ง
แล้วฉันก็หาทางกลับบ้านไม่ได้อีกต่อไป
จนกระทั่งฉันมองมาที่คุณ

When I look at you
I see forgiveness
I see the truth
You love me for who I am
Like the stars hold the moon
Right there where they belong
And I know I'm not alone

เมื่อฉันมองมาที่คุณ
ฉันพบการให้อภัย
ฉันพบกับความจริง
คุณรักฉันอย่างที่ฉันเป็น
เหมือนเหล่าดวงดาวที่โอบกอดพระจันทร์
ในที่ที่เป็นของพวกเขา
และฉันรู้  ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

Yeah when my world is falling apart
When there's no light
To break up the dark
That's when I, I
I look at you

เมื่อโลกของฉันได้ร่วงหล่น
ยามที่ไม่มีแม้แสงเล็ดลอดผ่านความมืดมิดนี้
จนกระทั่งฉันมองมาที่คุณ

When the waves are flooding the shore
And I can't find my way home any more
That's when I, I
I look at you

ตอนที่คลื่นถามโถมซัดชายฝั่ง
แล้วฉันก็หาทางกลับบ้านไม่ได้อีกต่อไป
จนกระทั่งฉันมองมาที่คุณ

You appear just like a dream to me
Just like kaleidoscope colors that cover me
All I need
Every breath that I breathe
Don't you know you're beautiful
Yeah, yeah, yeah

เธอปรากฏตัวขึ้นราวกับความฝัน
เหมือนฉันถูกโอบล้อมไปด้วยสีสันต่างๆละลานตาไปหมด
อย่างที่ฉันต้องการ
ทุกลมหายใจของฉัน
คุณรู้ไหม  ว่าคุณนั้นช่างสวยงาม

When the waves are flooding the shore
And I can't find my way home any more
That's when I, I
I look at you
I look at you
Yeah,
Whoa-oh,
You appear just like a dream to me

ตอนที่คลื่นถามโถมซัดชายฝั่ง
แล้วฉันก็หาทางกลับบ้านไม่ได้อีกต่อไป
จนกระทั่งฉันมองมาที่คุณ
ฉันมองมาทีคุณ
มองมาที่คุณ
คุณที่ปรากฎตัวขึ้นราวกับความฝัน

คำศัพท์

Shore  =   ชายฝั่งทะเล
Flooding  =  น้ำท่วม
Forgiveness  =การให้อภัย
Belong  =เป็นของ
Appear  =ปรากฏ
Kaleidoscope  =ภาพละลานตา






6 ธันวาคม 2559

วาดภาพผลไม้จากสีไม้ของ colleen 60 สี

ฝึกลงสีจากแบบ

วันนี้เราจะเอารูปที่วาดไว้สักพักแล้วล่ะ  แต่เพิ่งมีเวลาเอามาลงนะคะ   สำหรับอ้อจัน  อ้อจันคิดว่าเราควรฝึกลงสีจากแบบก่อนเพื่อสังเกตุการไล่สีจากของจริงมันจะดูสวยกว่า   แต่จริงๆก็ไม่ต้องถึงขั้นแบบเหมือนเป๊ะเวอร์วังอลังการณ์  แต่ถ้าใครอยากได้ความเรียล  แนะนำเสิร์ชพี่กูว่า  realistic art  นะคะ   แต่สไตล์อ้อจันจะชอบแบบอิมเพรสชันนิสมากกว่า  คือประทับใจในสี

ภาพต้นแบบนะคะ


           
                     ต้องขออภัยที่ไม่มีภาพร่าง  วาดไปสักพักลงสีไปแล้วเพิ่งคิดได้ว่าลืมถ่ายตอนร่างไว้    เอาล่ะ  มาเริ่มกัน    อันนี้ใช้สีเหลืองลงพื้นก่อนแล้วตามด้วยสีส้ม เป็นพื้นจางๆกำหนดแสงเงาและเฉดสีคร่าวๆ จากนั้นระบายแดงไม่ต้องหนักมือมากแต่ไม่อ่อนจนเกินไป  แล้วลงส้มอีกรอบก็จะได้สีแดงสดค่ะตัดดำเบาๆที่ขอบ ทำไปทีละลูกค่ะ




                 ตรงส่วนใบอ้อจันทร์จะลงเขียวอ่อนเป็นพื้นกับเหลือง   จากนั้นจะใช้เขียวกลางสดใส   แล้วแิดท้ายด้วยเขียวเข้มอมน้ำเงิน  โดยการระบายควรระบายเหมือนเวลาแรเงาเสก็ตภาพและเว้นแกนกลางที่เป็นสีอ่อนไว้เพื่อให้ดูเหมือนเส้นใบค่ะ




ภาพเสร็จสมบูรณ์ค้าาา


จริงๆก็ไม่ค่อยเหมือนแบบจริงเท่าไหร่   แต่อ้อเลือกลงสีในแบบที่ตัวเองชอบในตอนนั้นมากกว่า   คือเพิ่งถอยสีมาใหม่เห็นมันสดดีเลยละเลงซะ  ฮ่าๆๆๆ    


ขอบคุณที่รับชมค่า  แล้วเจอกันใหม่โอกาสน้า   ไปแว้ววบู้!






TRY COLBIE CAILLAT แปลเพลง


COLBIE CAILLAT LYRICS

"Try"


Put your make up on
Get your nails done
Curl your hair
Run the extra mile
Keep it slim
So they like you. Do they like you?

แต่งหน้า ทำเล็บเสร็จสรรพ
ดัดผม  วิ่งเป็นไมล์ๆ เพื่อให้ผอม
ที่พวกเขาชอบคุณ พวกเขาชอบคุณเหรอ ?


Get your sexy on
Don't be shy, girl
Take it off
This is what you want, to belong
So they like you. Do you like you?


สวมบทเซ็กซี่ 
ไม่ต้องอายสาวน้อย  
ถอดสิ
นี่คือสิ่งที่คุณต้องการ เป็นสิ่งของ
 ที่พวกเขาชอบ
  แล้วคุณชอบตัวเองใหมล่ะ



You don't have to try so hard
You don't have to give it all away
You just have to get up, get up, get up, get up
You don't have to change a single thing

คุณไม่ต้องพยายามมากขนาดนั้น  
คุณไม่ต้องเปลี่ยนทุกอย่างขนาดนั้น   
คุณก็แค่ลุกขึ้น  ลุกขึ้นยืนหยัด   
คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรแม้แต่อย่างเดียว



You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try
Yoooou don't have to try

คุณไม่ต้องพยายาม 
 ไม่ต้องพยายาม 
  ไม่ต้องพยายาม 
 ไม่ต้องพยายามเลย




Ooooo, oooooo, oooooo...




Get your shopping on,
At the mall,
Max your credit cards
You don't have to choose,
Buy it all
So they like you. Do they like you?

ไปชอปห้าง  
รูดจนเต็มบัตรเครดิต
  ไม่ต้องเลือก 
ซื้อให้หมด
 พวกเขาจะได้ชอบคุณ  
แล้วพวกเขาชอบคุณจริงเหรอ?




Wait a second,
Why should you care, what they think of you
When you're all alone, by yourself
Do you like you? Do you like you?

เดี๋ยวก่อนนะ  
ทำไมคุณต้องแคร์  ว่าพวกเขาคิดยังไงกับคุณ 
เวลาที่อยู่กับตัวเองเพียงลำพัง  
คุณเคยชอบตัวเองบ้างใหม ชอบตัวเองบ้างหรือเปล่า




You don't have to try so hard
You don't have to give it all away
You just have to get up, get up, get up, get up
You don't have to change a single thing

ไม่ต้องพยายามมากขนาดนั้น  
คุณไม่ต้องทิ้งตัวตนทุกๆอย่างขนาดนั้น   
คุณก็แค่ลุกขึ้น  ลุกขึ้น  ยืนหยัด   
คุณไม่เห็นต้องเปลี่ยนอะไรเลย




You don't have to try so hard
You don't have to bend until you break
You just have to get up, get up, get up, get up
You don't have to change a single thing

คุณไม่ต้องพยายามขนาดนั้น  
ไม่ต้องบิดงอจนกระทั่งแตกหัก
คุณก็แค่ต้องลุกขึ้น  ลุกขึ้นมา  ยืนหยัด
 แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเลยสักนิด






You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try

You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try
Yoooou don't have to try

Oooooo, oooooo
Oooooo, oooooo

You don't have to try so hard
You don't have to give it all away
You just have to get up, get up, get up, get up
You don't have to change a single thing

You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try, try, try, try-i-i
You don't have to try
You don't have to try




Take your make up off
Let your hair down
Take a breath
Look into the mirror, at yourself
Don't you like you?
Cause I like you 


ล้างเครื่องสำอางออกซะ   
ปล่อยผมลง
แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ  
 มองในกระจก ดูตัวเอง
 คุณชอบตัวเองใหม  
เพราะฉันชอบคุณ



คำศัพท์
curl = ดัด
try  = พยายาม
away = ออกไป
breath = หายใจ
bend = โค้งงอ
break = แตกหัก



โอ้ววว   จบไปแล้วกับเพลง try ของ Colbie
                ชอบเพลงนี้มากๆค่ะ   คือมันจริงนะ  ผู้หญิงเราบางทีก็พยายามมากเกินไปที่จะเป็นคนที่ผู้คนชื่นชม  หรือดูดีในสังคม  จนบางครั้งเราลืมถามตัวเองว่า  เราชอบในสิ่งที่เรากำลังทำและเป็นอยู่บ้างใหม   บางคนผอมแล้วยังอยากผอมอีก   สวยแล้วยังอยากสวยอีก   มันก็ไม่ผิดหรอกนะคะที่เราควรจะทำตัวเองให้ดูดี   แต่สังคมทุกวันนี้บางทีก็หมกมุ่นมากจนเกินไป  ทั้งที่ความจริงทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว

อันนี้ขอเสริมนิดๆ   บางคนจะบอกว่า  ไม่จริงหรอก  ฉันอ้วนดำ  น่าเกลียด  มันจะสวยได้ยังไง    เดี๋ยวก่อนนะคะ  อยากจะบอกว่าดารานางแบบที่รูปร่างแบบนี้มีเยอะ   แต่สิ่งที่ทำให้เขาสวย  มันคือทัศนคติ  และการรักตัวเองค่ะ   และมีอีกหลายคนด้วยซ้ำที่เคยสวย  แต่เมื่อเวลาผ่านไปความสวยที่ไม่คงทนทำให้พวกเขาที่ยึดติดหมกมุ่นกับมันเครียดจนทำเรื่องบ้าๆกับตัวเองมาเยอะแยะ


 อะไรคือความสวย   มันขึ้นอยู่กับว่าเราให้ความหมายมันยังไงมากกว่า